22. คู่มือสร้างพระเจดีย์ดอกไม้ (How to Build a Flower Pagoda)

คู่มืร้ระดีย์ม้

ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 โดย พิรจักร

(นามเดิม พิทยา ทิศุธิวงศ์ / Pittaya Wong)

ณ วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2562

 

การสร้างพระเจดีย์ดอกไม้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้ว จากพระไตรปิฎก บางครั้งผู้มีบุญก็สร้างเจดีย์ทราย แล้วนำดอกไม้มาประดับตกแต่งเพื่อเจริญพุทธานุสติอยู่กับเจดีย์นั้น บางครั้งได้พบพระพุทธเจ้าผู้เข้านิโรธสมาบัติอยู่ ได้สร้างเพิงขึ้นอย่างง่ายๆ แล้วนำเอาดอกบัวดอกไม้มุงบังเพิงนั้น เพียงเท่านี้บุญก็มากมหาศาล ท่องอยู่แต่ในสุคติภูมิโลกสวรรค์ มีทิพยสมบัติมากมาย มีรัศมีหลากสีสันสวยสดงดงาม เกิดเป็นมนุษย์ ก็มีโอกาสจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพระมหากษัตริย์ มีรูปงาม กระทั่งภพชาติสุดท้ายก็บรรลุธรรมเข้านิพพาน

สาเหตุที่เราเรียกว่าเป็น พระเจดีย์ดอกไม้ก็เพราะโครงสร้างประดับดอกไม้นี้ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป เข้าข่ายว่าเป็น อุเทสิกเจดีย์ในความเป็นจริงแล้ว อาจจะประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ รูปเหมือนของพระสงฆ์ผู้ทรงคุณ พระธรรมจักร หรือดวงแก้วก็ได้ เพื่อเฉลิมฉลอง เป็นพุทธานุสติ ธรรมานุสติ หรือสังฆานุสติ ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา อย่างเช่นวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา วันขึ้นปีใหม่ หรือวันคล้ายวันเกิด เป็นต้น โดยพระเจดีย์ดอกไม้นี้ จะทำด้วยดอกไม้สด หรือดอกไม้ประดิษฐ์ก็ได้ เมื่อตกแต่งเสร็จแล้ว ก็จะมีความสวยงามและทรงคุณค่า ไม่น้อยไปกว่าต้นคริสต์มาสเช่นกัน

พระเจดีย์ดอกไม้ต้นแบบองค์แรกที่สร้างขึ้นใหม่ในยุคปัจจุบัน (Reinvented) โดย พิรจักร (นามปากกาเดิม Pittaya Wong and Fellows) มีชื่อว่า ปัญญประภามหารัตนบุปผเจดีย์ฐานกว้างประมาณ 65 ซ.ม. สูงประมาณ 1.50 เมตร โดยสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2554

โครงสร้าง

ทำจาก “ก้อนฟองน้ำจัดดอกไม้” หรือ “โอเอซิส” เรียงตัวเป็นชั้นๆ เหมือนก้อนอิฐ โอเอซิสแต่ละก้อน ถูกล็อคเข้าด้วยกันด้วยสลักแท่งไม้ โดยหาซื้อแท่งไม้ (คล้ายๆ ไม้เสียบลูกชิ้น หรือตะเกียบไม้ไผ่แบบใช้แล้วทิ้ง) ที่ร้านขายอุปกรณ์จัดดอกไม้ เวลาเรียง ให้เรียงเป็นสี่เหลี่ยม หรือวงกลม ต้องคำนวณ ความกว้าง ความยาว ความสูง ของโอเอซิส ตามแปลนผังในกระดาษให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วจะทราบว่าต้องใช้โอเอซิสกี่ก้อน สำหรับปัญญประภาฯ เจดีย์ ใช้โอเอซิสประมาณ 125 ก้อน อนึ่ง ถ้าต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม อาจจะใช้ลำต้นต้นกล้วยก่อขึ้นเป็นโครงสร้างภายในของพระเจดีย์ดอกไม้แทนก็ได้ จากนั้นจึงวางก้อนโอเอซิสปิดภายนอกอีกที

โอเอซิสแบบถูกสุด ขายลังละ 20 ก้อน ใช้ 7 ลัง ตกประมาณ 1650 บาท (โอเอซิสมีหลายแบบหลายราคา)

เวลาทำโครงสร้างให้เอาโอเอซิสก้อนที่อยู่ริมนอกสุดชุบน้ำ อันที่จริงไม่ต้องชุบทั้งก้อนก็ได้ ชุบเพียง 2 ใน 3 ของก้อน เพื่อไม่ให้เจดีย์หนักมากเกินไป โดยหันหน้าด้านที่ชุบน้ำออกด้านนอก สำหรับปักดอกไม้ หากกลัวว่าไม้เสียบที่ล็อคไว้จะไม่แข็งแรงพอ ก็อาจจะเอาลวดเส้นบางๆ พันรอบโอเอซิสแต่ละชั้นเอาไว้อีกทีก็ได้

จากเจดีย์ต้นแบบ สามารทำโอเอซิสได้ประมาณ 5-7 ชั้น

โอเอซิสชั้นล่างใช้เป็นสี่เหลี่ยมสะดวกมาก ส่วนชั้นบนและหลังคา อาจทำเป็นวงกลม โดยต้องค่อยๆ หั่นโอเอซิสจนเป็นทรงโค้งกลม

โอเอซิสทั้งหมดจะเรียงวางอยู่บนแท่นประดิษฐานสีขาว ความกว้าง 1 เมตร x 1 เมตร มีขาเหล็กสำหรับตั้ง มั่นคงแข็งแรง ซึ่งภายใต้แท่นนี้ควรเป็นท่อเหล็กพ่นสีขาวหรือสีทอง ไว้สำหรับเสียบไม้พลอง ทำเป็นเสลี่ยงหาม เพื่อเคลื่อนย้ายพระเจดีย์ดอกไม้ เข้าสู่ลานพิธีได้

ดอกไม้

ดอกไม้ที่ใช้ปักโดยรอบเจดีย์ทั้งหมด เมื่อดูจากเจดีย์ต้นแบบ ใช้เงินประมาณ 4000 8000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพดอกไม้ หากใช้ดอกตระกูลมัม ซึ่งมีราคาถูก ก็จะประหยัดงบประมาณ แต่ปัญหาคือ ดอกมัมเป็นดอกเล็กๆ ต้องใช้เวลาตัดดอกนาน กว่าจะปักเสร็จก็นานอีกเหมือนกัน เมื่อเทียบกับดอกไม้ใหญ่ๆ ซึ่งสีสวยสดใส เห็นเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่า อย่างดาวเรือง คาร์เนชั่น หรือ เบญจมาศ  (ควรไปสั่งจองดอกไม้ที่ตลาดล่วงหน้าก่อนวันจริง 3-4 วัน บางร้านดอกไม้มาลงทุก 3 วัน พยายามเลือกร้านที่มีดอกไม้มาลงเช้าวันที่เราจัดพอดี เพื่อให้ได้ดอกไม้สด)

การเลือกซื้อดอกไม้ ต้องคำนวณจากพื้นผิวก้อนโอเอซิสที่หันหน้าออกด้านนอก คำนวณว่าหนึ่งก้อนใช้คาร์เนชั่นกี่ดอก เบญจมาศกี่ดอก แล้วหาค่าเฉลี่ยออกมา สำหรับเจดีย์ปัญญประภาฯ ที่เป็นต้นแบบ มีโอเอซิสที่อยู่ด้านนอก 66 ก้อน ใช้ดอกไม้ดอกใหญ่อย่างคาร์เนชั่นประมาณ 20 ช่อ และใช้ดอกเล็กอย่างตระกูลมัมอีกประมาณ 20 ช่อ นอกนั้นเป็นดอกไม้พิเศษอีกประมาณ 15 ช่อ เช่นเบญจมาศ หรือถ้าใช้กุหลาบดอกใหญ่คัดพิเศษ ก็จะได้พื้นที่เยอะเหมือนคาร์เนชั่น (หลังจากคลี่ดอกแล้ว) ซึ่งดอกไม้ที่เลือกใช้ ควรเป็นดอกสวย ดอกสด หลากสี

จากประสบการณ์การทำเจดีย์ดอกไม้ ดอกที่มีปัญหาคือประเภทมัม เพราะหนึ่งช่อใหญ่ๆ เมื่อคัดเลือกดอกที่สวยแล้ว ต้องทิ้งไปเกือบอีกครึ่ง เพราะดอกไม่สมบูรณ์ เหี่ยวหรือเฉา หรือยับ ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ เพื่อเป็นการประหยัดเวลา และให้คุ้มค่าจริงๆ ขอแนะนำให้ใช้ดอกใหญ่ๆ สมบูรณ์ๆ อย่างคาร์เนชั่น และกุหลาบเกรด A มากกว่า (ตกช่อละ 100 เศษๆ) เพราะแทบจะไม่ต้องทิ้งดอกเลย ดอกสมบูรณ์หมด แล้วเวลาปักออกมาแล้วก็ดูสวยมากด้วย (ดอกคาร์เนชั่นและกุหลาบต้องนำมาคลี่ก่อนใช้ เพราะดอกจะมาในลักษณะตูม แต่ดอกจะทนมาก อยู่ได้ถึง 3 วันเต็มๆ โดยที่เฉาไม่มาก โดยเฉพาะเมื่อปักดอกไม้รวมๆ กันหนาแน่น ดอกจะเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ ทำให้อยู่ได้นานขึ้น)

เมื่อเราได้ดอกไม้มาแล้ว เราก็นำมาตัดก้าน โดยตัดให้เหลือความยาวประมาณ หนึ่งข้อของนิ้วมือ เวลาตัดต้องตัดให้เป็นปากฉลาม และข้อต่อ หรือตัดตาทิ้ง (จุดที่นูนๆ มีใบไม้งอก) เพราะจะทำให้เสียบโอเอซิสยาก เมื่อเราตัดดอกไม้ได้เยอะแล้ว เราก็แบ่งอีกทีมหนึ่งให้ทำหน้าที่เสียบดอกไม้ ซึ่งเจดีย์มีอยู่ 4 ทิศ น่าจะทำได้ประมาณ 8 คน คือด้านละ 2 คน ช่วยกัน จะทำให้เร็วขึ้น วิธีปัก อาจจะจัดเป็นลวดลาย โดยเอาดอกใหญ่ๆ ลงก่อน เพื่อสร้าง pattern ของลวดลาย จากนั้นจึงนำดอกเล็กดอกกลางแซมลงไปให้หนาแน่น จนไม่เห็นช่องโอเอซิสเลย ควรวาดลงในกระดาษก่อน ว่าจากดอกไม้ที่มี จะทำลวดลายและเล่นสีอย่างไรบ้าง

ผู้ปักดอกไม้ทั้ง 4 ด้าน ควรจะปรึกษากันก่อนว่า จะทำลวดลายแบบไหน ใช้ดอกไม้คละสีอย่างไร ชั้นไหนใช้ดอกอะไร เพื่อให้แต่ละด้านออกมาดูคล้ายกัน ไม่แตกต่างผิดตากันมากจนเกินไป

เจดีย์ 7 ชั้น อาจแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน คือส่วนยอด ส่วนกลาง และส่วนฐาน อาจจะแยกชิ้นกันทำ แล้วเอามาประกอบกันในภายหลัง แล้วค่อยเอาดอกไม้เสียบปิดรอยต่อของแต่ละชั้นให้กลมกลืน อย่างนี้ก็จะทำให้เร็วขึ้น

เมื่อเสียบดอกไม้จนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็ให้ฉีดน้ำให้ความชุ่มชื่นแก่เจดีย์ดอกไม้ ควรจะมีที่ฉีดน้ำประมาณ 2 อัน เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงาน

หมายเหตุ: แหล่งดอกไม้ในกรุงเทพฯ ปัจจุบัน มีตลาดดอกไม้ที่ปากคลองตลาด และตลาดดอกไม้ใหม่ ใกล้แยกไฟฉาย ซึ่งผู้ค้าส่วนหนึ่งย้ายไปจากปากคลองตลาด

ประทีป

ประทีปที่ใช้กับเจดีย์ดอกไม้ควรเป็นประทีปถ้วยแก้ว เพราะช่วยบังลมได้ มีกลิ่นหอม และไม่ไหม้พื้น เพราะมีถ้วยแก้วรองอยู่ นำมาประดับโดยรอบเจดีย์ หรือตามแต่จะออกแบบ ว่าใส่ประทีบ ณ จุดได้บ้าง ควรวางประทีปไว้ให้พอดี เพื่อไม่ให้ไหม้ดอกไม้ เมื่อจุดพร้อมกัน กลิ่นหอมจากประทีป จะฟุ้งไกลไปในรัศมี 25 เมตรเลยทีเดียว 

เรือนยอด

ส่วนที่ยากที่สุดของเจดีย์ดอกไม้คือเรือนยอด เพราะมีความบอบบาง โดยเฉพาะบริเวณที่ประดิษฐานพระพุทธรูป หลังคาจะรับน้ำหนักมากไม่ได้ จากเจดีย์ปัญญประภาฯ ต้นแบบ ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นอย่างยาวเสียบดอกคาร์เนชั่นตูม 4 ดอก ทำเป็นเสาดอกไม้ แล้วนำมาปัก 4 ทิศ ค้ำหลังคา ก็พอจะแข็งแรงบ้าง แต่มีปัญหาตอนยกไปวางที่แท่น เมื่อมีแรงเหวี่ยง เสาก็โย้ วิธีแก้คือ อาจจะต้องนำเรือนยอดมาประดิษฐานตอนท้ายสุด เมื่ออัญเชิญเจดีย์ดอกไม้ขึ้นสู่แท่นแล้ว อาจทำเป็นพิธีประดิษฐานยอดเจดีย์ต่างหาก เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ โดยอาจนิมนต์พระอาจารย์ประดิษฐานยอดเจดีย์ให้ แต่ก่อนจะประดิษฐาน เราต้องลองประกบดูให้เรียบร้อยก่อน ว่าเมื่อวางลงไปแล้วจะพอดีลงล็อคเป๊ะทุกอย่าง

สำหรับยอดด้านบนสุดขององค์เจดีย์ อาจทำเป็นฉัตรดอกไม้ ดวงประทีป หรือเสียบดอกบัวตูมก็ได้ แต่เน้นว่า ต้องใช้วัสดุที่น้ำหนักเบาที่สุด มิเช่นนั้นเสาดอกไม้อาจรับน้ำหนักไม่ไหว ยกเว้นแต่จะทำเสาเพิ่มเป็น 6 ต้น ส่วนหลังคาจะต้องใช้ดอกไม้ดอกเล็ก เพื่อไม่ให้น้ำหนักมากเกินไป และเพื่อให้เหมาะกับพื้นที่ที่จำกัด

พิธีกรรมจุดประทีป โปรยดอกไม้หอม

เพื่อสร้างกิจกรรมรวมใจ เราอาจทำพิธีจุดประทีปแต่ละดวงรอบๆ เจดีย์ดอกไม้ โดยมีเทียนชนวน หรือไฟแช็คแบบปืนยาว (น่าจะดีกว่า เพราะถ้าลมแรงจะจุดยากมาก) ให้บุคคลทีละกลุ่มรวมใจกันจุดเทียนประทีปโดยรอบเจดีย์ จากข้างบน ลงข้างล่าง หรือให้ทุกคนอธิษฐานกับดวงประทีปของตนเอง แล้วนำมาวางรอบๆ เจดีย์ทีละคน และมีพิธีโปรยดอกไม้หอม เช่นมะลิ จำปี จำปา โดยโปรยรอบๆ พระประธานตรงเรือนยอดก่อน จากนั้นจึงโปรยตามชั้นด้านล่าง ลดหลั่นลงมา แล้วก็ฉีดน้ำเพิ่มความสดชื่นให้กับเจดีย์อีกครั้ง

เมื่อทำพิธีเกี่ยวกับองค์เจดีย์เสร็จแล้ว จึงสวดมนต์ บูชาพระ อธิษฐานจิต นั่งสมาธิกับเจดีย์ร่วมกัน พร้อมทั้งถ่ายภาพเป็นที่ระลึก  เนื่องจากช่วงบูชาเจดีย์เป็นช่วงค่ำ แสงน้อย อาจต้องใช้กล้องที่เก็บแสงและสีได้ดี จะบันทึกภาพเจดีย์ที่สวยสว่างสดใส สีสันสดชื่นเอาไว้ได้อย่างน่าประทับใจ

เรื่องราวเกี่ยวกับพระเจดีย์หรือพระสถูปดอกไม้ในพระไตรปิฎก:

พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับมหามกุฏฯ) เล่มที่ 71

สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่มที่ 8 ภาคที่ 2

หน้าที่ 415 ข้อที่ 124

ปุปผถูปิยเถราปทานที่ 2 (122)

แหล่งที่มา: http://etipitaka.com

http://etipitaka.com/read/thaimm/71/415/?keywords=%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%9C%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%A2

ปุปผถูปิยเถราปทานที่ ๒ (๑๒๒) ว่าด้วยผลแห่งการบูชาด้วยสถูปดอกไม้ [๑๒๔] มีภูเขาชื่อกุกกุระอยู่ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์ (เราเป็น) พราหมณ์ผู้รู้จบ มนต์อยู่ในท่ามกลางภูเขานั้น ศิษย์ ๕๐๐๐ คน แวดล้อมเราอยู่ทุกเมื่อและ เขาเหล่านั้นเป็นผู้ลุกขึ้นก่อน (นอนทีหลัง) แกล้วกล้าในมนต์ทั้งหลาย พราหมณ์ผู้รู้จบมนต์ ได้ฟังคำของพวกศิษย์ว่า พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น แล้วในโลก ขอท่านจงรู้พระพุทธเจ้านั้นว่ามีจริงหรือไม่ พระองค์มีพยัญ ชนะ ๘๐ มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ พระชินวรมีพระรัศมี แผ่ไปข้างละวา ย่อมรุ่งโรจน์ดังพระอาทิตย์ ดังนี้ พราหมณ์ออกจาก อาศรมแล้ว ถามถึงทิศที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ว่า พระมหาวีรเจ้าผู้นำของ โลกประทับอยู่ ณ ประเทศใด เราเห็นประเทศนั้นแล้ว จักนมัสการพระ ชินเจ้า ผู้ไม่มีบุคคลเปรียบ เรามีจิตเบิกบาน มีใจโสมนัส บูชาพระตถาคต นั้น มาเถิดศิษย์ทั้งหลาย เราจักไปเฝ้าพระตถาคต จักถวายบังคมพระ ยุคลบาทของพระศาสดาแล้ว จักฟังคำสั่งสอนของพระองค์ เราออกจาก อาศรมไปได้ วันหนึ่งก็ได้ป่วยไข้ เป็นผู้ถูกความป่วยไข้เบียดเบียน จึงไปนอน ณ ที่สุดศาลา (ไม้รัง) ประชุมศิษย์ทั้งปวงแล้ว ได้ถามเขา เหล่านั้นถึงพระตถาคตว่า พระคุณของโลกนาถผู้มีปัญญา เครื่องตรัสรู้ อย่างยิ่งเป็นเช่นไร พวกศิษย์เหล่านั้นอันเราถามแล้วพยากรณ์เหมือน บุคคลผู้เห็นแจ้ง แสดงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐนั้นแก่เราดุจมีอยู่ตรงหน้า โดยเคารพ เราฟังคำของศิษย์เหล่านั้นแล้ว ทำกาลกิริยา ณ ที่นั้น ศิษย์ เหล่านั้นเผาสรีระของเราแล้ว ได้ไปในสำนักของพระพุทธเจ้า ประนมกร อัญชลีถวายบังคมพระศาสดา เราเอาดอกไม้ทำสถูปแห่งพระสุคต ผู้ แสวงหาคุณอันใหญ่หลวงแล้ว ไม่ได้เข้าถึงทุคติเลยตลอดแสนกัลป ใน กัลปที่ ๔๐,๐๐๐ แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิจอมกษัตริย์ ๑๖ พระองค์ มีพระนามชื่อว่า อัคคิสมะ มีพลมาก ใน ๒ หมื่นกัลปนี้ ได้มีพระเจ้า จักรพรรดิราช ๓๘ พระองค์ เป็นใหญ่ในแผ่นดิน พระนามว่า ฆฏาสนสมะ คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เรา ทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระปุปผถูปิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล. จบ ปุปผถูปิยเถราปทาน.

http://etipitaka.com/read/thaimm/71/417/?keywords=%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%9C%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%A2

๑๒๒. อรรถกถาปุปผถูปิยเถราปทาน อปทานของท่านพระปุปผถูปิยเถระ มีคำเริ่มต้นว่า หิมวนฺตสฺส อวิทูเร ดังนี้. แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลไว้ในพระพุทธเจ้าพระองค์ ก่อน ๆ ทุก ๆ ภพนั้น จะสั่งสมแต่บุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพาน เป็นประจำเสมอ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี ท่านได้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ บรรลุนิติภาวะแล้ว ศึกษา ศิลปะไว้ประจำตัวจนสำเร็จ แต่ก็มองไม่เห็นสาระในศิลปะนั้น ตนเอง พร้อมกับศิษย์ ๕,๐๐๐ คน จึงพากันละบ้านเรือนร่วมเดินทางไปยังป่า หิมพานต์ ทำอภิญญา ๕ และสมาบัติ ๘ ให้เกิดขึ้นแล้ว สร้างบรรณ- ศาลาอยู่อาศัยใกล้ภูเขาชื่อกุกกุระ. ครั้งนั้นเขาได้ทราบว่า พระพุทธเจ้า ทรงอุบัติขึ้นแล้ว มีความประสงค์จะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกับพวกศิษย์ แต่ถูกโรคภัยบางอย่างเบียดเบียน จึงเข้าไปยังบรรณศาลา ได้ทราบ อานุภาพและลักษณะของพระพุทธเจ้าจากสำนักของศิษย์ แล้วมีใจเลื่อม- ใส ให้พวกศิษย์นำเอาดอกไม้นานาชนิดเช่น ดอกจำปา ดอกอโศก และ ยอดหมากเม่าเป็นต้นมาจากหิมวันตประเทศแล้ว ก่อสถูป บูชาพระสถูป คล้ายบูชาพระพุทธเจ้าแล้ว เขากระทำกาละแล้ว ก็ได้เข้าถึงพรหมโลก. ลำดับนั้น พวกศิษย์เหล่านั้น จึงพากันกระทำฌาปนกิจท่าน เสร็จงาน แล้ว พากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วกราบทูลเรื่องราวทั้งหมดให้ทรงทราบ. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงทรงตรวจดูด้วยพุทธจักษุ ก็ทรงทราบ ชัดด้วยพระอนาคตังสญาณ. ในชาติต่อมา คือในพุทธุปบาทกาลนี้ เขาได้บังเกิดในเรือนอันมีสกุลในกรุงสาวัตถี พอบรรลุนิติภาวะแล้ว ด้วย พลังแห่งวาสนาที่ตนได้สั่งสมมาในกาลก่อน จึงมีความเลื่อมใสในพระ- ศาสดา บวชแล้วไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์. ต่อมาท่านระลึกถึงกุศลกรรมของตนในชาติก่อนได้ มีความโสมนัส เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึง กล่าวคำเริ่มต้นว่า หิมวนฺตสฺสาวิทูเร ดังนี้. ถ้อยคำนั้นทั้งหมดข้าพเจ้า ได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังแล. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กุกฺกุโร นาม ปพฺพโต ความว่า ยอดแห่งภูเขาที่เรียกกันว่า กุกกุรบรรพต เพราะ. ตั้งตระหง่านมีลักษณาการคล้ายกับสุนัข. อธิบายว่า สร้างบรรณศาลาอยู่ ร่วมกับดาบส ๕,๐๐๐ คน ใกล้ ๆ กับภูเขาลูกนั้น. คำที่เหลือในที่ทุกแห่ง จะว่าโดยเนื้อความแล้ว มีเนื้อความง่าย ๆ ทั้งนั้น. จบอรรถกถาปุปผถูปิยเถราปทาน

 

Check List อุปกรณ์

      -          ฟองน้ำจัดดอกไม้ หรือโอเอซิสประมาณ 7 ลัง (140 ก้อน), ถัง หรือกะละมังแช่โอเอซิส

      -          มีดตัดโอเอซิส 1 อัน, กรรไกรตัดดอกไม้ (10 อัน), คัตเตอร์ 3 อัน

      -          ไม้เสียบ ยาว 8 นิ้ว หรือตะเกียบไม้ไผ่ 1 ห่อใหญ่

      -          ดอกไม้ (คำนวณแล้วว่าใช้กี่ดอกกี่สี ดอกอะไรบ้าง)

      -          แท่นประดิษฐาน กว้าง 1 x 1 เมตร

      -          เสื่อขนาดใหญ่ 2-3 ผืน

      -          ถุงขยะขนาดใหญ่

      -          ถุงพลาสติกหรือภาชนะ ใส่ดอกไม้ที่ตัดแล้ว เตรียมนำไปเสียบ

      -          น้ำดื่ม ปานะ

      -          ลวด

      -          ไฟแช็ค, เทียนชนวน

      -          เครื่องเล่นเสียง เปิดเพลงสร้างบรรยากาศ ระหว่างสร้างเจดีย์

      -          รถบรรทุกของ

      -          รถเข็นของ

     -          เทียนประทีป (คำนวณให้เรียบร้อยว่าจะวางตรงไหน ใช้กี่อัน) ควรเอามาเผื่อเล็กน้อยเผื่อว่าหล่นแตกหรือไส้เทียนไม่ดีจุดไม่ค่อยสว่าง)

     -          ป้ายสามเหลี่ยมวางข้างๆ เจดีย์ดอกไม้ เพื่อบอกว่าใครเป็นคนสร้าง ในโอกาสอะไร เพราะคนที่มาดูจะสงสัยกันมาก

     -          พระพุทธรูป, รูปหล่อพระสงฆ์, พระธรรมจักร, ดวงแก้ว หรืออื่นๆ ที่จะประดิษฐานบนเจดีย์ดอกไม้ (ถ้าใช้รูปหล่อเรซินหรือแก้วใส แล้วประดิษฐานบนฐานที่มีไฟ LED ส่องสว่างขึ้นมาก็จะสวยมากยิ่งขึ้นไปอีกครับ)

      -          ธง ปักรอบๆ เจดีย์ อาจทำเป็นธงจักรแก้ว หรือสัญลักษณ์อื่นๆ เพื่อเพิ่มสีสัน เป็นธงขนาดเล็ก

      -          ไฟกะพริบประดับรอบเจดีย์ และกระดิ่ง ติดรอบๆ เจดีย์ เพื่อเพิ่มสีสัน

      -          คำอธิษฐานจิตพิเศษ

      -          เตรียมเวลาสำหรับสร้างเจดีย์ดอกไม้ เผื่อไว้สัก 4-5 ชั่วโมงครับ

      -          ผ้าคลุมเจดีย์ดอกไม้ เผื่อว่าสร้างเสร็จเร็ว ควรจะคลุมเอาไว้ เพื่อรักษาความชุ่มชื้น

     

     หมายเหตุ: ภาพพระเจดีย์ดอกไม้ในหน้าเว็บนี้ สร้างโดย พิรจักร (Pittaya Wong) and fellows ณ วัดพระธรรมกาย ในสมัยที่          พิรจักร ยังเป็นลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกาย ทั้งนี้ พิรจักร ได้ลาออกจากการเป็นศิษย์วัดพระธรรมกาย แล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ถึง ปัจจุบัน เพื่อทำโครงการเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและวิชชาธรรมกายเป็นของตนเอง

 

      ท่านสามารถอ่านฉบับภาษาอังกฤษของบทความนี้ได้ที่:

      https://www.meditation101.org/16769607/22-how-to-build-a-flower-pagoda-stupa